คุณสมบัติ น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค นาโน Carlack Nano
น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68
ประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่ต่างกัน 4 ประเภท ดังนี้
- สารปกป้องสีรถยนต์ (Conserving Agents)
- สารที่ทำให้สีรถดูเป็นประกายสดใสและดูใหม่เสมอ (Shining Agents)
- สารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents)
- สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตที่เกิดจากแสงแดด (Ultraviolet (UV) Protective Agents)
การผลิตน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 โดยการนำสารทั้ง 4 ประเภทมาผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของโรงงานในประเทศเยอรมันเท่านั้น อุณหภูมิระหว่างการผลิตจะสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีอื่นๆ ทั่วไปมาก
ซึ่งประกอบด้วยสารสำคัญคือ โพลีเอทธีลิน (Polyethlene-Concentrate) สารอะครีลิค (Acrylic Concentrate) สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV Protective Filter) ชนิดเข้มข้นและสารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents) ทำให้น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำมาใช้งานได้เอนกประสงค์และใช้งานง่ายเพียงขั้นตอนเดียว
คุณสมบัติ น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค นาโน
-
- สามารถทำความสะอาดผิวสี โดยไม่ทำลายหรือขัดผิวสีให้บางลงเหมือนน้ำยาขัดเงาทั่วไป น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 สามารถขจัดคราบไคลที่ผังแน่น, ยางไม้, ยางมะตอย, มูลนก, คราบน้ำมันและเขม่าจากท่อไอเสียรถยนต์, คราบสนิม, คราบซิลิโคน, ที่เกิดจากยางรถยนต์ ตลอดจนคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะอยู่ตามผิวสีรถ, กระจกและโครเมี่ยม
- ในขณะที่เคลือบสีรถนั้น สารต่างๆ ในน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 จะแปรสภาพเป็นฟิล์มแข็งและใส เคลือบทับผิวสีรถทำให้ผิวสีรถมีความเงางามสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งคัน และทำให้ผิวสีรถแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม สีรถจะไม่กรอบแตก ป้องกันรอยขีดข่วน ทนต่อมลภาวะต่างๆ ได้ดี เช่น กรดจากมูลนก, น้ำฝน, น้ำค้าง, ยางไม้, มลภาวะที่มีสภาพเป็นด่าง, แอลกอฮอล์, น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
- น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 สามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 160 องศาเซลเซียส หรือ 320 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อจอดรถตากแดด ชั้นฟิล์มของน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ที่เคลือบบนผิวสีรถจะไม่สลายตัวหรือเหนียวเหนอะ ตรงข้ามกับน้ำยาเคลือบสีที่ผสมด้วยแว็กซ์ (Wax) เป็นหลัก ซึ่งจะหลอมเหลวที่อุณหภูมิระหว่าง 40-70 องศาเซลเซียส เมื่อแว็กซ์โดนความร้อนจากแสดงแดด จะละลาย เหนียว ฝุ่นเกาะง่าย สีรถจะมองดูเป็นคลื่นหรือเงาเป็นชั้นๆ ไม่สม่ำเสมอ มองเห็นเป็นรอยขนแมว หรือรอยคล้ายใยแมงมุมบนผิวสีรถ อีกทั้งยังมีโอกาสที่ผิวสีรถ จะขึ้นฝ้าหรือมองดูหมองมัวอีกด้วย
- เมื่อเคลือบสีด้วยคาร์แลค 68 ผิวสีรถจะมีความลื่น น้ำจะไม่เกาะผิวสี เช็ดออกง่าย เวลาล้างรถก็จะเร็วและง่ายขึ้น สามารถล้างรถด้วยแชมพูล้างรถทุกชนิดได้ เนื่องจากแชมพูล้างรถไม่สามารถทำลายสารเคลือบสีของน้ำยาคาร์แลค 68 ได้
ปริมาณรังสี UV ที่สะท้อนจากผิวสีรถ ( เปอร์เซ็นต์ % )
UV REFLACTION ( PERCENT %)
- น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 มีสารป้องกันรังสียูวี ชนิดเข้มข้น ทำให้ผิวสีรถสามารถสะท้อนรังสียูวีได้สูงถึง 72% ซึ่งสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีทั่วไปถึง 47.5% ซึ่งรังสียูวีส่งผลให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพก่อนถึงเวลาอันสมควร
- น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่ติดไฟ ไม่กัดผิวหนัง ไม่มีสารกัดกร่อนจึงไม่กัดทำลายยางขอบประตูรถ, ยางใบปัดน้ำฝน, วัสดุที่เป็นพลาสติก, สายไฟ, ไวนิลและส่วนประกอบอื่นๆ ของรถยนต์ดังนั้นน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 จึงสามารถใช้ได้กับ กระจกรถ, โครเมี่ยม, ล้อแม็กซ์ที่มีผิวเรียบ, ไฟหน้า, ไฟท้าย, กระจกมองข้าง, กะทะล้อ, ฝาครอบล้อพลาสติก, และวัสดุผิวเรียบมันทุกชนิด ทั้งสามารถใช้ทั้งรถเก่าและรถใหม่ รวมทั้งสีรถทุกประเภท
- น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ยังสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดและเคลือบวัสดุอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน สำนักงาน และทุกสถานที่ โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด
- น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 มีความเข้มข้นสูง ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงและไม่หมดสภาพเมื่อโดนน้ำ จึงสามารถนำมาผสมน้ำเช็ดทำความสะอาดรถได้ ผิวสีรถจะสะอาดมากขึ้น มีความแข็งแกร่งและเงางามมากขึ้น
AVERAGE LIFE OF A PAINTED SURFACE / อายุเฉลี่ยของผิวสีรถ และ
DEGREE OXIDATION WITH AND WITHOUT CARE / ระดับความเสื่อมของสีรถ
AFTER ช่วงระยะเวลา |
WITHOUT ANY CARE ถ้าปราศจากการดูแล |
WITH POLISH ถ้าเช็ดล้างรถเป็นประจำโดยไม่ได้เคลือบสี |
WITH WAX ถ้าใช้ขี้ผึ้งขัดเงา (WAX) เคลือบสีรถ |
WITH Carlack Incl. UV Protaction คาร์แลดสูตรใหม่ที่มีสารป้องกันรังสียูวีเคลือสีรถ |
2 Years/ปี | 50% | 40% | 25% | 3% |
5 Years/ปี | 60% | 55% | 35% | 6% |
8 Years/ปี | 90% | 65% | 50% | 8% |
12 Years/ปี | 100% | 95% | 65% | 11% |
16 Years/ปี | 100% | 100% | 85% | 15% |
ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน CHRISTINA LAU GMGH, PRUFGERATE FUA พิสูจน์ว่า น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 ซึ่งมีสารโพลีเอทธีลีน (Polyethylene) เป็นส่วนประกอบหลักให้ผลการปกป้องคุ้มครองสีรถได้สูงสุด
วิธีใช้
- ล้างรถด้วยน้ำหรือแชมพูล้างรถ เช็ดรถให้แห้งหมาดๆ เทน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 บนผ้านุ่มเพียงเล็กน้อย แล้วเคลือบให้ทั่วผิวสีรถทั้งคัน รวมทั้งโคมเมี่ยม และกระจกด้วย เคลือบเพียงเบาๆ ให้ทั่วบริเวณ
ส่วนใดที่มีคราบสกปรกฝังแน่นหรือมีริ้วรอยมากให้เพิ่มปริมาณน้ำยา แล้วเช็ดเคลือบบริเวณนั้นจนริ้วรอยต่างๆ จางลงหรือหมดไป
หลังจากเคลือบเสร็จให้ทิ้งไว้ 30 นาที จนผิวสีรถแห้งเห็นเป็นฝ้าขาว ใช้ผ้านุ่มที่แห้งสะอาดเช็ดฝ้าขาวออกเพียงเบาๆ รถก็จะเงางามทันที
- หลังจากเคลือบสีตามวิธีที่ 1 หากต้องการความประหยัดและยืดอายุการเคลือบสีรถให้ยาวนานยิ่งขึ้น
เมื่อล้างรถเสร็จ เช็ดรถให้หมาดๆ แล้วน้ำน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ปริมาณ 3 ฝา ผสมน้ำสะอาด 2-3 ลิตร คนให้เข้ากัน ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำยาเช็ดให้ทั่วรถ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วใช้ผ้าสำลีเช็ดรถให้แห้งสะอาด
ขนาดบรรจุ : 100 มล., 500 มล.
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบสีตามกลุ่มของเคมีภัณฑ์
CAR POLISHING AGENT ANALYSIS
การที่จะทราบถึงความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ คาร์แลค 68 ทางท่านผู้อ่านจำเป็นต้องศึกษาอย่างจริงจังเพื่อจะทราบว่าเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบบนผิวสีรถยนต์นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร
ซึ่งในปัจจุบันน้ำยาเคลือบสีรถยนต์สามารถแบ่งได้ตามต้นกำเนิดของเคมีภัณฑ์ เช่น ตระกูล Wax Silicone Polymer Resin หรือ Teflon ซึ่งสิ่งเหล่านี้แต่ละท่านจะต้องเข้าใจและสามารถถ่ายทอดให้เห็นถึงจุดแตกต่าง เพื่อตอกย้ำจุดเด่นในผลิตภัณฑ์ของ คาร์แลค 68 ทางผู้เขียน อยากให้ท่านคิดตาม และนำไปทดลองกับตัวท่านเองเพื่อท่านจะทราบว่าแตกต่างกันจริง
ในศตวรรษที่ 19 ได้มีนักวิจัยเกิดขึ้นจำนวนมากได้พยายามคิดค้น เคมีภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวสีรถยนต์ที่ดีที่สุดจนในที่สุดทีมคณะวิจัยของCAR-LACK CHEMIE KONSTANZ ได้ค้นพบสูตรทางเคมีที่รวบรวมความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสารเคมีต่างๆ รวมไว้ด้วยกันจนกลายเป็น น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ CAR-LACK 68 ขึ้น โดยมีส่วนผสมของสารเคมีหลักๆ คือ
น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค-นาโน CARLACK Nano
- สารโพลีเอทธีลีน Polyethylene
- สารอะครีลิค Acrylic
- สารป้องกันรังสียูวี UV Protection
- สารทำความสะอาดผิวสี Cleaning Agent
ซึ่งสารเคมีหลัก ๆ คือ Polyethylene และ Acrylic จะมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรง และความคงทนให้กับแผ่นฟิล์ม โดยแฝงไปด้วยความเงางาม สารโพลีเอทธีลีนเป็นสารที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น PE หรือ พลาสติก แต่ Polyethylene จะมีความเด่นตรงที่เป็นสารเคลือบแข็ง ที่ทนต่อความร้อนสูงมากๆ
สังเกตได้จากถุงร้อน ที่นำมาใส่ก๋วยเตี๋ยว หรือน้ำแกงร้อนๆ กว่า 100 องศาเซลเซียส ลองคิดดูสิว่าชั้นผิว หรือ Layer ของถุงนั้นมีความหนาเท่าใด กี่มิลลิเซ็นต์
บางทีอาจเรียกว่าบางกว่าที่เราจะไปวัดได้ แต่เพราะเหตุใดผิวที่บางขนาดนั้นจึงสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ถูกเทผ่านน้ำลงไป และทำให้ถุงไม่ขาด ทั้งๆ ที่ถ้านำน้ำร้อนไปเทใส่วัสดุอื่นเช่น กระดาษ หนัง ก็คงเปื่อยทะลุเป็นแน่ นั่นคือความโดดเด่นของสารเคมีประเภท Polyethylene ที่มีความแข็งแกร่ง และมีความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ 160 องศาเซลเซียส สูงกว่าจุดเดือด
ส่วน Acrylic เป็นสารเคมีที่ให้ความเงางามสูง ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคนพูดว่า รถคันนี้พ่นสีอะครีลิค สีเมทัลลิค เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของ อะครีลิค คือความใส ความเงางามสูง ซึ่งสารเคมีนี้เองถูกหลอมรวมอยู่ในน้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 สรุปคือ
POLYETHYLENE คุณสมบัติมีความแข็งแรง ทนต่อความร้อนได้สูงถึง320 ‘F หรือ 160 ‘C
+
ACRYLIC คุณสมบัติมีความเงางามสูง
=
CAR-LACK 68 เคมีภัณฑ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นสุดยอดน้ำยาเคลือบสีรถตั้งแต่ปี 1986 ในทวีปยุโรป หรือรางวัล “ The Gold Medal Award for International Trophy for Technology 1986 ”
ต่อไปนี้จะมาศึกษา ความแตกต่างระหว่างเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบสีรถยนต์ที่มีอยู่ในท้องตลาด
สารเคมี / Chemical | ลักษณะคุณสมบัติ / Advantage-Disadvantage |
Polyethylene
(ใน CAR-LACK 68) *ตัวอย่างเช่น ถุงร้อนใส่อาหาร |
ข้อดี
ความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320’F หรือ 160’C มีแผ่นฟิล์มที่บางใส มีความแข็งแกร่ง และทนทาน สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ สามารถผสมกับน้ำได้ ข้อเสีย ยากในการผลิต ต้องใช้ความร้อนที่สูง มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเคมีภัณฑ์ทั่วไป |
Acrylic
(ใน CAR-LACK 68) *ตัวอย่างเช่น สีอะครีลิค, แผ่นอะครีลิค |
ข้อดี
ให้ความเงางาม ให้ความใส สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ ข้อเสีย ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงในการผลิต มีต้นทุนการผลิตสูง |
Wax
(Kit, Cargo, Eagle One, Soft 99, Turtle Wax, Cadulac, Premium, Zymol**, Maguier**) *ตัวอย่างเช่น เทียนไข, ขี้ผึ้ง |
ข้อดี
มีความมัน เงางาม ใช้งานง่าย สามารถผลิตในรูปแบบ Hard Wax ได้ ต้นทุนต่ำ ข้อเสีย ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 70’C เมื่อโดนความร้อน สีจะดูเป็นปื้นๆ มีส่วนผสมของ Petroleum Base ตั้งในที่เย็นมากจะเป็นไข หรือแยกชั้นน้ำยา ไม่สามารถเคลือบกลางแดด หรือในที่มีอุณหภูมิสูง เช็ดออกยากถ้าทิ้งไว้นานๆ แผ่นฟิล์มไม่แข็งแรง ไม่ทน ต้องเคลือบบ่อยๆ ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน **หมายเหตุ ถ้าเป็นเคมีที่ผลิตจาก CARNUBAR WAX แท้ๆ จะดีมากซึ่งต้นทุนสูง หายากมาก ผลิตได้จากไขสัตว์ : ไขปลาวาฬ ปัจจุบันได้เลิกแล้วเพราะถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยม Green Peace ยับยั้ง ปัจจุบันสกัดได้จากไขของพืช ซึ่งมีความคงทนสูง มีความมันเงา เช่น น้ำยา Zymol |
Silicone
(AMWAY) *ตัวอย่างเช่น ซิลิโคนที่ฝังในเต้านม, ซิลิโคนที่ใช้ในการยาแนว |
ข้อดี
เคลือบแล้วเงา เป็นสารที่อยู่ในสภาพ Liquid มีความยืดหยุ่นสูง ข้อเสีย ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 75’C มีสารกัดสีอ่อน ถ้าใช้กับสัน หรือขอบประตูสีจะหลุดง่าย ไม่เหมาะที่จะเคลือบกลางแดด ข้างขวดมีเขียนไว้ เมื่อเช็ดโดนพลาสติกๆ จะด่างขาว มีส่วนผสมของ Petroleum Base แผ่นฟิล์มที่เคลือบสีไม่แข็งแรง ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน |
Polymer
(Nu finish) เป็นสารที่มีอยู่ในคุณสมบัติของ พลาสติก ประเภท PE |
ข้อดี
สารเคลือบแข็ง มีความเงางาม เป็น Liquid Base ให้ความคงทนมากกว่าสารที่เป็น WAX, RASIN ข้อเสีย เป็น Petroleum Base ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาอาจแยกชั้น ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ |
Resin
(Autoglym) *ตัวอย่างเช่น กรอบรูปวิทยาศาสตร์ ทำจากเรซิ่น |
ข้อดี
มีความแข็งกว่า Wax, Silicone มีความเงางาม ใส เป็น Liquid Base ข้อเสีย มีส่วนผสมของ Petroleum มีการแยกชั้นถ้าทิ้งไว้ในที่เย็นนานๆ ไม่สามารถเคลือบกลางแดดได้ ถ้าเคลือบทิ้งไว้นานๆ เช็ดออกยากมาก ไม่ทนต่อความร้อนสูง ไม่สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง |
Teflon
(Eagle One, Karshine, Bilstien) *ตัวอย่างเช่น กระทะเทฟล่อน |
ข้อดี
มีผิวที่ลื่น มีความเงางามสูง ใช้ง่าย ข้อเสีย ไม่ทนต่อการขูดขีด ในต่างประเทศเคย รณรงค์ที่จะเลิกใช้สารเทฟลอนที่มีอาจมีอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง มีส่วนผสมของ Petroleum Base ทนต่อความร้อนได้จำกัด ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาจะแยกชั้น ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ |
วิธีการเคลือบสี น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบอื่นๆ
การเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบที่ 1
การเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบที่ 2
การเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบที่ 3
การเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบที่ 4
การเคลือบสีคาร์แลค นาโน แบบที่ 5
♦️ #การเลือกผ้าที่เหมาะกับการเช็ดน้ำยาเคลือบสี
https://www..facebook.com/story.php?story_fbid=1111594628965456&id=254026488055612
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
Carlack ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาทำความสะอาด
รักษาผิวสีรถยนต์ จาก Swiss
โทร. 02 454 2876-80